/* scrip for google analytic */

Ads 468x60px

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

[แชร์ประสบการณ์] ความสัมพันธ์ของการคิดกับการทำ มีความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไร



ได้ประสบการณ์จากงานใหม่มานิดหน่อยก็อยากจะเอามาเล่าให้ได้อ่านกันสักเล็กน้อย บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเจอเป็นประจำอยู่แล้ว แต่สำหรับคนได้ประสบการณ์อะไรใหม่ๆก็อยากจะเอามาแชร์กันเล่าให้ฟังกัน อย่างน้อยคนที่ไม่เคยทำงานประมาณนี้ อาจจะมีแรงบันดาลใจอยากหางานแบบเดียวกับผู้เขียนมาทำกันก็ได้นะ 

บทความนี้อาจจะแตกต่างจากบทความก่อนๆสักหน่อย ส่วนใหญ่ผู้เขียนจะชอบเขียน How to Programming ชอบอ่านเรื่องอื่นๆแล้วเอามาสรุป พอมาอ่านงานเก่าๆก็รู้สึกว่ามันแห้งๆ เหมือนที่คนสอนการเขียนแนะนำจริงๆนั่นแหละ

ขอเกริ่นคร่าวๆก่อนว่างานของผู้เขียนเป็นอย่างไรเป็นงานที่ต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ทางด้านไอที ประมาณนวัตกรรมอะไรเถือกนั้น ที่ต้องออกมารองรับความต้องการ ทั้งๆที่ยังไม่มีใครต้องการ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ไม่รู้ว่า เป็นงานที่เป็นแค่ความฝัน หรือความจริง สิ่งที่ต้องทำก็คือ คิด คิด คิด และก็ คิด คิดให้รอบคอบทุกด้านตามกรอบ หรือ นอกกรอบก็ได้แต่จะออกทะเลก็คงไม่ดีเท่าไร

ในทุกสายงาน แน่นอนว่าจะต้องมีคนที่เชี่ยวชาญกว่าต้องขอบคุณรุ่นพี่เขาจริงๆที่ทุกคำถาม ทุกความสงสัย ไม่เคยรำคาญแม้ว่างานพี่เขาจะเยอะก็ตาม ขอให้เจริญๆนะครับโผมม พี่เขาได้ข้อคิดเอาไว้แต่ผู้เขียนเอามาสรุปเองอีกที

โดยปกติการทำงานก็ไม่ได้มีหลักเกณฑ์อะไรตายตัว สามารถที่จะปรับเปลี่ยนวางแผนใหม่ได้ตลอดเวลา ซึ่งการทำงานของเราในการทำงานด้านความคิดนวัตกรรมหรืออะไรก็ตามในบางครั้งเมื่อเราได้แสดงออกทางความคิด สามารถคิดได้ แต่ต้องกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า สามารถทำได้หรือไม่ เราต้องปรึกษาคนทำเสียก่อนว่าทำได้หรือเปล่า อันนี้ติดอะไรมั้ย เป็นไปได้หรือเปล่า 

บางทีเขาอาจจะทำได้มากกว่าสิ่งที่เราคิดก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่เราได้ออกแบบ Concept ระบบเอาไว้แล้วส่งให้ Vender ดูเลยมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่ง ข้อดีของมันก็คือ เราความคิดของเราให้ Outsource หรือ Vender ตัวแทนจำหน่าย ดูเลยมันก็ทำให้งานเดินได้เร็วและเป็นไปตามที่เราต้องการ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเราต้องการอะไร แต่ส่วนข้อเสียก็จะติดในเรื่องของการจำกัดความคิดของ Vender ทำให้เขาอยู่ในกรอบของไอเดีย ที่เราได้คิดเอาไว้แค่นั้น 

โดยอันที่จริงแล้วเราต้องการสิ่งที่ดีที่สุดและเป็นไปได้มากที่สุดที่คนจะใช้ แทนที่จะคิดแทนเราเพราะความที่เขาเชี่ยวชาญในด้านนั้นๆอยู่แล้ว  ดังนั้น ผู้เขียนอาจจะวาง Step การทำงานเอาไว้อย่างนี้ก่อนแต่ไม่ได้บอกนะว่าตายตัวอาจจะปรับเปลี่ยนไปตาม คือ ให้ทาง Vender ส่งไอเดีย Concept พร้อมกับ Proposal หลังจากนั้น ก็เอา Proposal ในหลายๆ Vender มาสรุปเพื่อทำไอเดียที่ดีที่สุด เพราะในแต่ละ Vender แน่นอนว่าไม่ได้เก่งไปทุกๆด้าน อาจจะเก่ง 20% ใน 100% ดังนั้นอาจจะต้องมี Vender หลาย Vender มาช่วยกันร่วมทำงาน หลังจากนั้นก็ค่อยร่าง สัญญา
 
 
Blogger Templates